กรุงสุโขทัย ราชธานีแห่งแรกของไทย …จากความทรงจำในแบบเรียนฉบับชาตินิยม ความจริงก็อยู่ช่วงเดียวกับพวกละโว้ อโยธยา หรือเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน บลาๆๆน่ะแหล่ะ แต่ยังงั้นมันต้องแยกเนื้อเรื่องเป็นแบบขนานเข้าใจลำบาก ที่จริงแคว้นการปกครองต่างๆในไทยเพิ่งมารวมเป็นอาณาจักรใหญ่ก็สมัยอยุธยา เรียกว่าเป็นราชอาณาจักรสยามนี่แหล่ะ (แต่ช่วงอยุธยาก็ยังมีโอเวอร์แลปกับสุโขทัยอยู่ช่วงนึง) รวมแล้วน่าจะประมาณนี้
ถ้ารวมเอาเหนือ-ใต้ทั้งหมดคล้ายรูปร่างปัจจุบันจริงก็ตอนสมัยธนบุรีนั่นล่ะมั้งที่ขับไล่พม่าออกจากเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2317 (ล้านนาถูกพม่ายึดในปี พ.ศ. 2010 หลังจากนั้นก็ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นในการยกทัพมาตีอยุธยาเรื่อยมา) ปราบชุมนุมพิมายปี พ.ศ. 2311 หรือชนะเจ้านครศรีธรรมราชที่ภาคใต้ในปี พ.ศ. 2312 รวมทั้งไล่ตีพม่ายันเวียดนาม …เดี๋ยวนอกเรื่องไปยาวถ้าสนใจ อ่านเพิ่มเติมทางนี้ ละกัน สรุปว่าถ้านับสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทยก็ไม่น่าถูกแล้วล่ะ ควรเป็นอยุธยามากกว่า
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ทริปต่อเนื่อง 3 วัน 3 อุทยาน จากครั้งก่อน อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร คราวนี้มาถึงสุโขทัยบ้าง (และคราวหน้าศรีสัชนาลัย) โดยทั้งสามที่ (อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สุโขทัย และศรีสัชนาลัย) นับรวมเป็น 1 มรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายใต้ชื่อของ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns)
ชื่อสุโขทัยนี้มีสองแบบถ้าอิงตามชื่อปัจจุบันก็หมายถึง (สุโข + อุทัย) คือรุ่งอรุณแห่งความสุข แต่ถ้ายึดตามศิลาจารึกชื่อเดิมนั้นคือ “สุโขไท” แปลว่าดินแดนที่ผู้คนอาศัยอย่างมีความสุข
ราชวงศ์สุโขทัยมีสองสาย เดิมนั้นสุโขทัยปกครองโดยพ่อขุนศรีนาวนำถุม (ในบทเรียนโดนตัดทิ้งไปเฉยเลย) ในช่วงเวลาสั้นๆ พอสิ้นพระชนม์เมืองสุโขทัยก็ตกเป็นของ ขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งน่าจะเข้ามายึดเมือง แต่สุดท้ายแล้ว บุตรของพ่อขุนนาวนำถุมนามว่า พ่อขุนผาเมืองพร้อมด้วยพระสหายชื่อพ่อขุนบางกลางหาวก็ช่วยกันตีเมืองสุโขทัยกลับคืนมาได้ แต่ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ที่ว่าเมื่อตีเมืองคืนมาได้แล้วนั้นพ่อขุนผาเมืองกลับยกเมืองสุโขทัยพร้อมกับพระแสงขรรค์ศรีชัยที่ได้รับมาจากกษัตริย์เมืองพระนคร (ขอม) ชื่อว่า “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” ให้แก่พ่อขุนบางกลางหาวแล้วใช้ชื่อใหม่ว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” หลังจากนั้นสุโขทัยก็ปกครองโดยราชวงศ์ศรีอินทราทิตย์ (หรือราชวงศ์พระร่วง) มาโดยตลอด แต่ทางราชวงศ์ศรีนาวนำถุมก็ไม่ได้หายไปไหนยังมีบทบาทในฐานะอำนาจอีกขั้วหนึ่งอยู่ (เนื้อเรื่องขัดกันใช่ป่ะ ถ้าจะให้เดาเนื้อเรื่องเองเราว่าพ่อขุนผาเมืองอาจจะยกสุโขทัยให้พ่อขุนบางกลางหาว แล้วตัวเองไปมีอำนาจกับทางพระนครแทน ซึ่งได้สมรสกับนางสุขรมหาเทวีพระธิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แต่เมื่ออาณาจักรขอมล่มสลายประกอบกับสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองทำให้รัชทายาทราชวงศ์ศรีนาวนำถุมต้องการทวงสิทธิในการครองเมืองสุโขทัยขึ้นมา)
ครั้งนี้นับเป็นการมาเยือนครั้งที่สอง หลังจาก ครั้งแรกเมื่อปี 2009 แวะแบบทางผ่านหลังจากเที่ยวภาคเหนือแล้ววันสุดท้ายไม่มีที่ไป มาครั้งนี้แวะแบบตั้งใจ …เพราะเพิ่งจะสนใจอุทยานประวัติศาสตร์ไม่นานนี้เอง
แผนผังอุทยานและสถานที่ คลิกที่นี่
วัดตระพังทอง
วัดตระพังทองนี้มีรอยพระพุทธบาทสมัยสุโขทัย จำหลักมงคล 108 ประการ ซึ่งได้ย้ายมาจากเขาพระบาทใหญ่ ซึ่งพระมหาธรรมราชาลิไททรงสร้างประดิษฐานไว้ ณ เขาสุมนกูฏ เมื่อปี พ.ศ. 1902 ที่ตัวอุโบสถยังดูใหม่สมบูรณ์อยู่นั้นเป็นเพราะเมื่อประมาณ 90 ปีก่อนพญารณชัยชาญยุทธ (ครุฑ) เจ้าเมืองสุโขทัยมาบวชเณรและเรี่ยไรเงินสร้างบนฐานโบสถ์เก่า
หลังจากเดินเที่ยววัดตระพังทองเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย …แต่ไปเช้าเกินยังไม่เปิดเลยจอดแถวนั้นสักพัก
วัดศรีชุม
เนื่องจากตั้งกะตอนไปอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรไปพบทัวร์กลุ่มใหญ่กลุ่มนึง เลยคิดไว้เลยว่าต้องมาเจอที่นี่อีกแน่ๆ (แล้วก็เจอจริงๆ) ดังนั้นจึงรีบไปวัดศรีชุมที่บริเวณไม่กว้างก่อนกลุ่มทัวร์จะมาดีกว่า แต่ถึงกระนั้นก็เจอ “ช่างภาพมือโปร” อยู่ดี สงสัยพวกนี้จริงถ่ายไรทำไมต้องนาน ถ่ายช้าไม่ว่าแต่ดันยืนแช่มุม ดูรูปขวางๆแล้วถ่ายใหม่อีก เจอทุกที่ …หรือเราถ่ายรูปเร็วไปหว่า เหมือนกดมั่ว เพราะมักง่ายเลยถ่ายรูปไม่สวยซักที 555 เอ้า นอกเรื่องไปยาว มาดูวัดศรีชุมหนึ่งในไฮไลท์ที่ต้องเข้าชมแห่งหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์นี้เลย
ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่ พระอจนะ (ผู้ไม่หวั่นไหว) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ชัดเจน ไฮไลท์อีกอย่างของวัดนี้คือทางลับภายใน ซึ่งเดินเข้าจนถึงสันผนังด้านบนได้ ภายในช่องกำแพงตามฝาผนังมีภาพเขียนเก่าแก่อายุราว 700 ปี นอกจากนี้แล้วบนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายเรื่องชาดกต่าง ๆ มีจำนวนทั้งหมด 50 ภาพ ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกากเข้าไปแล้วขี้เยี่ยวขีดเขียน จนต้องปิดไม่ให้คนเข้า ถ้าจะเอาบรรยากาศต้องไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหงเขามีช่องบันไดจำลองให้เดิน เขาว่าเหตุที่ต้องสร้างทางลับเพราะพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์พระร่วง เวลาจะปลุกในทหารด้วยการเข้าไปภายในแล้วพูดให้เหมือนราวกับพระอจนะเป็นคนพูด จากลักษณะอาคารที่ไม่มีหน้าต่างเวลาพูดเสียงคงกังวาน่าเกรงขาม อารมณ์ประมาณที่ถ้ำอะชันตาประเทศอินเดียล่ะมั้ง เขาเดาว่าแต่ก่อนลักษณะหลังคาน่าจะเป็นโดม แต่เราว่าด้วยความรู้คนไทยสมัยนั้น โครงสร้างโดมโค้งยังไม่เข้ามาหรอกนะ เจดีย์ระฆังคว่ำน่ะพอได้ แต่เคยเห็นศิลปะไทยเก่าๆที่เป็นโดมกันไหมล่ะ
ถ่ายด้วยมือถือสักหน่อย หมุนให้รอบ by photosynth
วัดเตาทุเรียง
ตั้งอยู่เหนือคูแม่โจน (คูของวัดพระพายหลวง) อยู่ในบริเวณเตาเผาเครื่องสังคโลก จึงคาดว่าสร้างหลังจากเลิกผลิตเครื่องสังคโลกแถวนี้แล้ว เขาว่าจากหลักฐานทางรูปถ่ายเก่าด้านหลังวิหารมีลายปูนปั้นพระพุทธรูปปางมารวิชัยรายล้อมด้วยเหล่าเทพเทวดาพนมมือ แต่ตอนนี้หักพังหายไปหมดแล้ว
วัดพระพายหลวง
ในอุทยานประวัติศาสตร์นี้ที่นี่เขาว่ามีความสำคัญวัดมหาธาตุ จากขนาดวัด และบริเวณอันกว้างขวาง มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกเรียกว่า คูแม่โจน ไฮไลท์ของวัดนี้คือ พระปรางค์ 3 องค์ เป็นปรางค์ประธานของวัด ก่อด้วยศิลาแลง ศิลปะเป็นเขมรแบบบายน สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ด้านหน้าของวัดเป็นอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 4 อิริยาบถ คือนั่ง นอน ยืน เดิน
วัดแม่โจน
ลักษณะวัดเป็นอย่างที่เห็นในรูปแหล่ะ
วัดตระพังป่าน
อันนี้เมื่อยขี้เกียจลง นั่งรอบนรถ
วัดซอนข้าว
วัดนี้มีเจดีย์ประธานลักษณะเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูม ชื่อและหลักฐานไม่ปรากฎในศิลาจารึก ได้แต่คำบอกเล่าของชาวท้องถิ่น (มีป้ายใกล้พออ่านได้ก็พิมพ์ซักหน่อย 555)
วัดสรศักดิ์
ประวัติตามศิลาจากรึกวัดสรศักดิ์กล่าวว่านายอินทสรศักดิ์ได้รับที่ดินมาจากออกญาธรรมราชาเจ้าเมืองสุโขทัยให้สร้างวัดถวาย เมื่อสร้างเสร็จก็นิมนต์พระมหาเถรธรรมไตรโลกฯ ผู้เป็นน้าของออกญาธรรมราชาให้มาจำพรรษาที่วัดนี้ ต่อมาสมัยสมเด็จเจ้าสามพระยายังทรงพระเยาว์ได้มาทำบุญที่นี่ในปี พ.ศ. 1959 พร้อมกับแม่และน้า และพักที่พระตำหนักหัวสนามเก่าทางทิศตะวันตกติดกับวัดสรศักดิ์
วัดมหาธาตุ
วัดเอกของอุทยานแห่งชาติสุโขทัย บริเวณกว้างใหญ่มาก ตอนไปครั้งก่อนรีบกลับเลยได้ลง “วิ่ง” ไม่ถึงห้านาที ที่นี่มีเจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม อันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยบริสุทธิ์ รอบๆทั้งสี่ทิศมีพระปรางค์ศิลปะขอม ที่มุมทั้งสี่ก็มีเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอดศิลปะล้านนาอีก รอบฐานเจดีย์ประธานมีภาพปูนปั้นพระสาวกในท่าอัญชุลีเดินประทักษิณจำนวน 168 รูป มีมณฑป 2 หลังขนาบเจดีย์ประธานภายในประดิษฐานพระอัฏฐารศ หรือพระพุทธรูปยืนสูง 12 เมตร ด้านหน้าเจดีย์ประธานเป็นที่ตั้งของวิหารหลวงสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ (หรือที่ศิลาจารึกหลักที่ 1 เรียกว่าพระพุทธรูปทอง) แต่ปัจจุบัน ร.1 เอาไปตั้งไว้ในวัดสุทัศฯที่กรุงเทพแล้ว
เนินปราสาท
ที่นี่มีการพบแท่นมนังศิลาบาตรที่ศิลาจารึกหลักที่หนึ่งกล่าวว่า พ่อขุนรามคำแหงให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุนั่งเทศนาธรรมในวันพระ และเป็นที่ประทับนั่งว่าราชการของพ่อขุนรามคำแหงในวันธรรมดา และศิลาจารึกยังบอกอีกว่าพ่อขุนรามปลูกต้นตาลไว้ในที่แห่งนี้ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วกรมศิลปากรเลยจัดให้
วัดศรีสวาย
พระปรางค์เด่นเป็นสง่าทั้งสามองค์รูปแบบศิลปะลพบุรี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม มีลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หยวน ที่มีรูปสลักทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ คาดว่าแต่ก่อนอาจสร้างมาเพื่อเป็นเทวสถานทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แล้วเปลี่ยนเป็นวัดของพุทธทีหลัง
วัดตระพังเงิน
วัดนี้ไม่มีกำแพง มีเพียงลำน้ำล้อมอันเป็นชื่อของวัด (ตระพังภาษาขอมแปลว่าน้ำ) อากาศร้อนเลยถ่ายห่างๆพอ 555
วัดสระศรี
วัดสระศรีตั้งอยู่กลางสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ที่ชื่อว่า ตระพังตระกวน ที่เห็นแต่ไกลในรูปตอนแรก น่ะแหล่ะ เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ระฆังทรงลังกา ตัวอุโบสถตั้งอยู่กลางสระน้ำ เพราะเชื่อว่าน้ำมีความหายถึงความบริสุทธิ์ของขอบเขตที่กันสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม เรียกว่า นทีสีมา หรือ อุทกสีมา
ศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมืองเก่า แผ่นศิลาข้างบนคาดว่าเป็นที่วางดวงเมือง
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง
สร้างในสมัยจอมพลถนอม 26 พ.ย. 2512 เพื่อสักการะพ่อขุนรามคำแหง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง
ที่นี่แนะนำให้ไป แต่ข้างในห้ามถ่ายรูป
วัดมุมลังกา
กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มาเที่ยวต่อช่วงบ่าย วัดมุมลังกาเหลือแต่ฐาน ตามศิลาจากรึกวัดอโสการามเดากันว่าที่นี่อาจเป็นวัดลังการามหรือบูรพารามก็เป็นได้
ถ้ำแม่ย่า
พระแม่ย่าเป็นรูปสลักหินชนวน เขาว่าคือพระนางเสือง แม่ของพ่อขุนรามคำแหง เพราะพ่อขุนรามคำแหงเป็นพ่อของประชาชน (ระบอบพ่อปกครองลูก) ดังนั้น แม่ของพ่อคนเลยเรียกว่า ย่า หรือ แม่ย่า ปัจจุบันย้ายไปที่ศาลพระแม่ย่าไว้ให้คนกราบไหว้ง่ายๆ
วัดสะพานหิน
วัดสะพานหินตั้งอยู่บนเนินสูง 200 เมตร ชื่อวัดก็มาจากทางเดินหินยาวประมาณ 300 เมตรนี่แหล่ะ ระหว่างทางขึ้นมีเจดีย์เล็กทรงดอกบัวตูมอยู่ บนยอดมีพระพุทธรูปประทับยืน ปางอภัยทานขนาดใหญ่ ซึ่งตรงกับศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่ว่าทางทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัยนี้มีพระอัฏฐารศสูงใหญ่อยู่ และนาจะเป็นวัดที่พ่อขุนรามคำแหงทรงช้างเผือกชื่อรูจาครีเพื่อไปพบพระในวัดนี้ทุกวันพระ ข้างขึ้นแรม 15 ค่ำ
วัดอรัญญิก
ที่นี่ไม่มีอะไร เหลือให้เห็นแต่ฐานกุฏิพระเล็กๆสมัยก่อน
วัดป่าแดง
วัดป่าแดงเป็นวัดเล็กๆในเขตอรัญญิกจากการขุดแต่งและสถาปัตยกรรมเดาว่าสร้างในยุคสุโขทัยตอนปลาย
วัดเจดีย์งาม
คล้ายกับวัดสะพานหินอยู่บนเนินเตี้ยๆทางเดินปูด้วยหินชนวนข้างบนมีเจดีย์ประธานทรงระฆังฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ฐานชั้นล่างมีซุ้มพระพุทธรูปทั้งสี่ด้าน วิหารก่อด้วยศิลาแลง กุฏิสงฆ์สำหรับวิปัสนาธรรม
วัดถ้ำหีบบน
อยู่บนเนินเตี้ยๆใกล้กับวัดถ้ำหีบล่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาประทักษ์ ทางเดินปูหินยาวประมาณ 200 เมตร ส่วนองค์ประกอบวัดก็ทั่วๆไป มีเจดีย์ประธาน วิหาร และกุฏิสงฆ์
วัดถ้ำหีบ
เหมือนกับอันบน
วัดมังกร
วัดนี้มีกำแพงแก้วก่อด้วยอิฐประดับซี่ลูกกรงด้วยเครื่องปั้นดินเผาเคลือบ ชื่อนี้ได้มาเพราะพบประติมากรรมมังกรดินเผาเคลือบแบบเครื่องสังคโลกนั่นเอง
วัดพระยืน
วัดป่าสัก
วัดหนองป่าพง
วัดศรีโทน
วัดตึก
มณฑปทางทิศใต้ของวัดนี้มีภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ก่อนเขาว่าสวยสมบูรณ์มาก แต่ตอนนี้เสียหายหมดแล้ว อยากดูไปหอจดหมายเหตุแห่งชาติ มีรูปเมื่อ 90 ปีก่อน
วัดป่าไผ่
เจอป้ายไม่เจอวัด เจอแต่กอไผ่เห็นฐานอิฐไกลๆก้ถือว่าใช่อันนี้ละกัน
วัดก้อนแลง
วัดต้นจันทร์
เหมือนกับโบราณสถานหลายที่คือไม่มีประวัติเหลือเพียงซากเจดีย์ แต่ในวัดต้นจันทร์นี้พิเศษตรงมีการขุดพบพระพิมพ์ดินเผาที่เรียกว่า เสน่ห์จันทร์ อันมีชื่อเสียงของสุโขทัย
วัดเจดีย์สี่ห้อง
ภายในมีปูนปั้นช้าง สิงห์ และคนสวมชุดและเครื่องประดับต่างๆ ในมือถือหม้อปูรณฆฏะมีพันธุ์ไม้งอกงามออกมาแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยคนเหล่านี้สังเกตุดีๆจะเห็นร่องรอยนาคหลายเศียรแผ่อยู่วึ่งอาจคือมนุษยนาค เพราะว่าคนแต่ก่อนจะมีผังคอและสแตนด์งูหลายหัวคุ้มครองอยู่ (วรรคหลังนี้มั่ว 555) มนุษยนาคหมายถึงเทพในโลกบาดาลตามความเชื่อในลังกาตะหาก
เที่ยวอิ่มจนเปื่อยแล้วก็หาที่นอน โดยคืนนี้ตัดสินใจกันว่าจะไปพักที่เมืองศรีสัชนาลัยจะได้ตื่นมาเที่ยวแต่เช้ากัน ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยประมาณ 60 กิโลเมตร
นอนพักเก็บแรงก่อนเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้กับตอนปิดท้าย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมศิลปากร museum press และจังหวัดสุโขทัย
Pingback: Travel Wish list ประเทศไทย | Log 2 Blog·