บลอกนี้รู้สึกจะมีเรื่องของจังหวัดกาญจนบุรีเยอะแฮะ ตั้งกะ สังขละบุรี อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ วัดถ้ำเสือ และถ้ำธารลอด
คราวนี้มาเรื่องที่เที่ยวอีกที่หนึ่งที่เป็นตัวชูโรงของจังหวัดคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว แต่จะเอาที่เดียวก็ยังไงอยู่ เลยเป็นรวบสถานที่จัดเป็นทริปวันเดียวเกี่ยวกับเส้นทางเดินของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งจับเชลยมาทำเส้นทางลำเลียงโดยระบบราง ในการก่อสร้างนี้เองก็ทำให้มีคนเสียชีวิตมากมาย เหลือเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึง
สถานที่ในบลอกเรื่องนี้ก็เกี่ยวเนื่องกับเส้นทางสายมรณะในสงครามทั้งนั้น คงไม่มีอะไรบรรยายเท่าไหร่ เลยแปะธรัมป์เนลใหญ่ๆแทนละกัน 555
สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก)
ที่นี่เป็นสุสานของเหล่าทหารสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะไปพม่าระหว่างปี พ.ศ. 2485-2488 บรรจุศพเชลยศึกในสงครามโลกครั้งที่สองนั้นถึง 6,982 คน แต่ละหลุดจะมีคำสลักต่างๆกัน
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
ส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ ปัจจุบันเป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของจังหวัดไปแล้ว

ฝั่งตรงข้ามมีสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมที่เคยมีการประท้วงเรื่องขัดทัศนียภาพอยู่ (แต่อีกฝั่งร้านอาหารให้พรึ่บ หึหึหึ)
ถ้ำกระแซ
อีกท่อนของทางรถไฟสายมรณะ ในช่วงที่ทางรถไฟเลียบหน้าผา เป็นอีกจุดหนึ่งที่สวยงามน่าไปถ่ายรูปครับ ใครมีเวลารอรถไฟมาด้วยก็สวยเลย
ตอนไปขับตามป้าย “สะพานรถไฟถ้ำกระแซ” ที่เลี้ยวไปแยกคล้ายซอยทางเดียวกับปราสาทเมืองสิงห์ …นั่นไม่ใช่ครับ ไปแล้วไปเจอกับรีสอร์ทของผู้มีอุปการะคุณของจังหวัดซะงั้น (แหม่ ที่ทำเลงี้ยังมีการสร้างจับจองเป็นเจ้าของอีกนะ แถมป้ายดักให้ไปอีกตะหาก คนดีจริงๆ หึหึ) ทางที่เป็นที่ท่องเที่ยวจริงต้องขับเลยไปจะถึงแยกใหญ่ที่เขียนว่า “ถ้ำกระแซ” เฉยๆที่อยู่ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคน้อยนู่น

ในส่วนของรีสอร์ท บ้านพักเล็กๆนั่นคืนละ 2,000 บาท ส่วนแพในแม่น้ำนั่น 1,500 แต่ที่นี่พนักงานดีครับ ยิ้มแย้ม แนะนำทางไปดี เพียงแต่…เอ่อ…สร้างติดทางรถไฟงี้เลยนะ

แวะกินกลางวันที่ร้านคุณนงเยาว์ ไส้อั่วดีที่มีมันแต่เผ็ดไปหน่อย กับเด็กเสิร์ฟและคนทำที่ชวยอารมณ์เสีย สั่งไปไม่เผ็ดยังไปคุยกันให้ได้ยิน “ไม่เผ็ดเป็นไง ไม่ใส่พริกเลยเหรอ” ยังดีที่อาหารอร่อยครับ
น้ำตกไทรโยคน้อย
น้ำตกที่ไปใกล้มาก และสวยงาม ที่นี่ก็มีร่องรอยของทางสายมรณะอีกเช่นกัน…
ช่องเขาขาด
ช่องเขาขาด หรือช่องไฟนรก ที่นี่สร้างโดยเชลยศึกชาวอังกฤษและออสเตรเลีย เป็นผู้ขุดเจาะช่องเขาขาดนี้ เริ่มก่อสร้างเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2486 มีความลึกต่างกันสองส่วนคือส่วนแรกลึก 25 เมตร เป็นระยะทาง 75 เมตร อีกส่วนนึงลึกประมาณ 8 เมตร เป็นระยะทาง 450 เมตร ซึ่งต้องใช้มือทำทั้งสิ้น การก่อสร้างต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องซึ่งในตอนกลางคืนแสงไฟจากตะเกียงสาดส่องเงาผู้คุมและเชลยที่ซูบผอมน่าสะพรึงกลัว และก็เป็นที่มาของชื่อ ช่องไฟนรก
ปัจจุบันที่นี่มีกลุ่มมูลนิธิจากออสเตรเลียจัดทำพิพิธภัณฑ์ให้ชนรุ่นหลังเรียนรู้ความยากลำบากและโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำมาได้ดีเลยหล่ะ แอร์เย็น/เข้าฟรีด้วย

พบนักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งคิดว่าทางฝรั่งเขาจะให้ความสำคัญกับสงครามและคนตายมากกว่าไทยนะ (เพราะคนไทยจิตใจ(ที่แสดงออก) ซู้งสูงงงง 555)

มื้อเย็นกินที่รัวชุกโดน ของเด็ดที่นี่ต้องเงี่ยงปลาทอด ทำคล้ายชุบน้ำปลา อร่อยมาก (แต่คราวนี้ไม่ได้สั่ง 555)
จบละเส้นทางสงครามโลกสั้นๆในหนึ่งวัน มาย้อนคิดถึงในอดีตสมัยสงครามอย่างที่ทราบกันว่าไทยอยู่ฝั่งญี่ปุ่น เชลยศึกที่เสียชีวิตในสงครามเหล่านี้ก็มีส่วนมาจากฝีมือคนไทยเช่นเดียวกัน นึกแล้วก็รู้สึกแย่พิลึกนะ …ที่จริงยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไปเช่นพิพิธภัณฑ์สงครามที่อยู่ในตัวเมือง (เห็นแต่ป้าย) หรือถ้ำลิเจียที่มีคนบอกมีขุมทองโกโบริที่กลายเป็นพันธบัตรอยู่ ไว้มีโอกาสจะเก็บมาครับ
UPDATE !! เก็บตกเพิ่มเติม
หอศิลป์ และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
ที่นี่เป็นสถานที่เอกชนนะครับ อยู่แถวสะพานข้ามแม่น้ำแควก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยคุณอรัญ จันทร์ศิริ อาชีพหลักเขาขายอัญมณีเครื่องประดับอยู่ละแวกนี้ ค่าเข้า 40 บาท ข้างในเป็นอย่างไรมาดูกัน

ข่าวในสมัยก่อน กับสำนักพิมพ์ปลุกปั่น …เจตนารมณ์ของไอสำนักพิมพ์พวกนี้ก็ยังอยู่ในสมัยนี้ครบถ้วน ขนาดพรรคการเมืองมาเปิดช่องปั่นสมองเองยังมีเลย …น่าแปลกที่มีคนดูช่องจากพรรคการเมืองแล้วเสือกเชื่อ !!?

มองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ฝั่งตรงข้ามเจ้าแม่กวนอิมนั่นเขาว่าบดบังทัศนียภาพนะครับ แต่ไอแพร้านอาหารที่กั้นไปครึ่งแม่น้ำนี่ไม่บังเลยครับ สงสัยเส้นใหญ่
มีพิพิธภัณฑ์อีกที่หนึ่งตั้งอยู่ข้างสุสานพันธมิตร คือพิพิธภัณฑ์รางรถไฟไทย-พม่า พอเข้าไปเจอค่าเข้า 200 บาทขาดตัว คิดในใจแพงจัง แต่เสียครั้งเดียว คงไม่มาอีก แต่เหลือบไปเห็นป้าย “ห้ามถ่ายรูป” อ่อ จบครับ ค่าเข้าแพง ห้ามถ่ายรูป ไม่เข้าล่ะ เพราะเคยไปพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด (ฟรี) มาแล้ว คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
น้ำตกไทรโยคใหญ่
มีน้ำตกไทรโญคน้อยแล้วไม่มีน้ำตกไทรโยคใหญ่ได้อย่างไร ที่นี่มีความน่าอัศจรรย์ที่หาชมจากน้ำตกอื่นไม่ได้อีกแล้วในประเทศไทย ซึ่งเป็นอะไรไปดูกันครับ
Pingback: เก็บตกน้ำตกเมืองกาญฯ | Log 2 Blog·